Baby sign รู้ ภาษากาย เจ้าตัวน้อย
เชื่อว่าคุณแม่คงแทบทำอะไรไม่ถูก เพราะลูกเอาแต่แผดเสียงตลอด จะหิว ง่วง เปียก หรืออยากได้อะไรก็ร้องไว้ก่อน เพราะยังบอกความต้องการไม่ได้ พอพ้นวัยแบเบาะขึ้นมา ลูกถึงค่อยร้องน้อยลงเพราะรู้ภาษามากขึ้น แล้วช่วงสำคัญที่ลูกกำลังเริ่มหัดพูดนี้เอง มีหลายสิ่งที่ลูกอยากบอก แต่ยังพูดออกมาไม่ได้ดั่งใจ เพราะพูดไม่คล่อง ลูกจึงต้องหาตัวช่วย นั่นก็คือ ภาษากาย ค่ะ
รู้จักรู้ใจ ภาษากาย เจ้าตัวน้อย
ช่วงที่ลูกกำลังสื่อสารด้วยภาษากาย ต้องเข้าใจให้ได้ว่าลูกกำลังบอกอะไร จะได้ตอบสนองความต้องการได้ แล้วความเข้าใจที่ถูกต้องก็จะไปพัฒนาภาษาพูดของลูกให้ก้าวหน้าต่อไป ดังนี้
* ลูกขมวดคิ้ว นิ่วหน้า ยันตัวมาจ้องแล้วหยิบจับ หรือฉุดแขนไปดู แสดงว่าลูกกำลังอยากรู้ค่ะ คุณแม่ควรเดินไปดู แล้วให้ลูกสำรวจหยิบจับสิ่งเหล่านั้น โดยต้องมั่นใจก่อนว่าปลอดภัย
* แขนเหยียดเหนือศีรษะ ขาเหยียดตรง หลังงอ ขยี้หน้าขยี้ตา แสดงว่าลูกกำลังเหนื่อยและง่วงค่ะ คุณแม่ควรพาลูกเข้านอน เห่กล่อม และจัดให้ลูกนอนในที่ที่เงียบสงบ ปลอดภัย
* ลูกนั่งเล่นหรือทำกิจกรรมที่ชอบอยู่คนเดียว ถ้าเข้าไปยุ่งก็จะผลักออก ลูกกำลังต้องการความเป็นอิสระ ควรปล่อยให้ลูกเล่นกิจกรรมต่อไป แล้วก็คอยเป็นกำลังใจให้ลูกค่ะ
* ลูกเกาะแขนแน่น เบียดตัวเข้ามาแอบหลังคุณแม่ หลบตาลงมองพื้น ไม่เงยหน้ามองใคร หลับตา หรือปิดตาตัวเอง แสดงว่าลูกกำลังอาย ลูกอายก็หมายถึงลูกเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นเป็นแล้ว อย่ารำคาญลูกเชียวค่ะ คุณแม่ควรพาลูกไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกันเพื่อฝึกการเข้าสังคมดีกว่า
* ลูกยิ้ม หัวเราะ สนใจรอบข้าง แสดงว่าลูกกำลังดีใจ ถ้า ไม่สนใจสิ่งรอบตัว แสดงว่าลูกกำลังเบื่อ ถ้าร้องไห้ก็แสดงว่าลูกอยากให้ปลอบใจ ควรเข้าใจความรู้สึกลูก ถ้าลูกเบื่อ หรือเศร้าก็โอบกอดให้ลูกรู้สึกอุ่นใจและมั่นใจมากขึ้น
เคล็ดลับพัฒนาภาษาพูด ด้วยภาษากาย
ภาษาท่าทางจะช่วยให้ลูกรู้จักคำใหม่ๆ แล้วก็พูดได้เร็วขึ้นด้วย ช่วงที่ลูกกำลังหัดพูดอยู่นี้มาสอนให้ลูกแสดงท่าทางบอกความต้องการกันดีกว่าค่ะ จะได้เข้าใจแล้วตอบสนองลูกได้ถูกต้อง ดังนี้
* เมื่อลูกชี้ไปยังสิ่งของที่อยากได้ ควรเรียกชื่อสิ่งนั้น เช่น นี่แป้งจ้ะ อยากทาแป้งหรือจ๊ะ
* ชี้สิ่งต่างๆ แล้วทำท่าทางประกอบ พร้อมกับบอกชื่อของสิ่งนั้นให้ลูกฟัง เช่น ชี้ให้ลูกดูนก แล้วกระพือแขนบิน แล้วพูด นก ชี้แมงมุม แล้วทำมือขยุ้มๆ แล้วพูด แมงมุม
* เมื่อเห็นว่าลูกเข้าใจและทำท่าง่ายๆได้แล้วให้สอนท่าอื่นเพิ่ม เช่น หนาว ให้กอดอกตัวสั่น ยิ้มหวาน ให้ยิ้มจนตาหยี ไม่ ให้ส่ายหน้า ใช่ ให้พยักหน้า บ๊ายบาย ให้โบกมือ โดยทำซ้ำกันหลายครั้ง
* เมื่อลูกทำท่าทางต่างๆได้ ควรชมเชย ลูกจะได้กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้มากขึ้น และที่สำคัญควรทำให้ภาษาท่าทางเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันจน ลูกคุ้นเคยและพูดสื่อสารได้เร็วขึ้นค่ะ 
|